^^ welcome..^^

อนาคตเป็นสิ่งสำคัญ..แต่ปัจจุบันสำคัญกว่า^^

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีการ Config AccessPoint D-link DIR-600

1. นำสาย LAN เสียบต่อระหว่าง Modem กับ ตัวของ Router ที่นำมา
(เพราะ Router ตัวไม่มีโมเด็มในตัว)
2. เปิด Browser แล้วใส่ 192.168.1.1 เพื่อเข้าไปกำหนดค่าต่างๆของ Router
ให้สามารถแชร์ Wireless ได้ แล้วทำตามคู่มือ


DIR-600
IP: 192.168.0.1
Use=admin
Password ให้ว่างไว้
ถ้าไม่ได้ให้กดปุ่ม Reset ที่ตัว Router สัก 2-3 วินาที แล้วลองใหม่อีกครั้ง ถ้าเข้าได้แล้ว
ให้ทำตามคู่มือที่ให้มากับตัว Router

การตั้งค่า Password ในการเชื่อมต่อ Wireless ให้เข้าไปตั้งในเมนู Wireless เลือก Security ใช้เป็น WEP 64 Bit ใส่ค่าตัวเลข 0-9 หรือ ตัวอักษร A-F รวมทั้งตัวอักษรและตัวเลขไม่เกิน 10 ตัว

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

หลักการและเทคนิคการเขียน php

1.echo เร็วกว่า print
2.เวลาใส่ตัวหนังสือ หรือข้อความให้ใส่ใน ' ' จะเร็วกว่า ใส่ใน " " เพราะว่าเครื่องหมาย "..." มันจะทำการค้นหาตัวแปรที่อยู่ภายในก่อน
3.ใช้คำสั่ง sprintf แทนที่จะยัดตัวแปรลงไปตรงๆ จะทำให้เร็วขึ้น 10เท่า!!
4.เรียกใช้ echo หลายครั้ง จะเร็วกว่าการเสียเวลาเพื่อเชื่อมตัวหนังสือก่อนเรียก echo ครั้งเดียว
5.ในกระบวนการ loop ควรคำนวนค่าต่างๆเอาไว้ก่อนเท่าที่ทำได้ เช่น
for($x=0;$x < count($array);$x)
เราควรเปลี่ยนมาใช้
$max = count($array);
ก่อน ค่อยเอาค่า$max ไปใช้ เพราะว่ามันจะเสียเวลาคำนวนรอบเดียวเท่านั้น
6.พยายามตรวจสอบตัวแปร array ถ้ามีค่าไหนไม่ได้ใช้ก็ unset ทิ้งไปบ้าง
7.พยายามอย่าเรียกใช้ function พิเศษ เช่น __get, __set, __autoload
8.เรียกใช้ require() แทนที่จะใช้ require_once() เท่าที่จะเป็นไปได้
9.ใช้ Full path ในการ include หรือ require เพื่อลดเวลาการค้นหา path ของ OS ที่รัน
10. require() และ include() มันทำงานได้เหมือนกันเลือกใช้ให้ตรงตามความต้องการ มันต่างตรงที่ว่า require() ถ้าไม่พบไฟล์ มันก็หยุดทำงานเลย ความเร็วที่ได้แทบไม่ต่าง
11. ตั้งแต่ PHP5 เวลาจุดเริ่มต้นของการ ประมวลผล จะเรียกได้จาก $_SERVER[’REQUEST_TIME’] ไม่ต้องเรียกใช้ time() หรือ microtime()
12. PCRE regex ทำงานได้เร็วกว่า EREG แต่จะเห็นผลเมื่อใช้ในแบบ native function

credit:http://ecprmuti.com/index.php?topic=157.0

หลักการทำงานของ PHP

การอ่านและแปลงแบบข้อมูลในตัวแปรหรือค่าคงที่แบบเจาะจง

เราสามารถแปลงแบบข้อมูลจากแบบหนึ่งไปยังอีกแบบหนึ่ง (type casting) เช่น แปลงจากข้อความที่มีเฉพาะตัวเลขให้กลายเป็นเลขจำนวนเต็ม (int) หรือทศนิยม (double), (float), (real) หรืออาจจะใช้คำสั่ง settype() ทำได้ตามตัวอย่างต่อดังนี้

$x = ((double)"100.1") + 0.3e+3;
echo $x,"
\n";
echo ($x=(int)$x),"
\n";
$x = "P".$x."\n";
echo $x,"
\n";

$x= ceil(13.45); /* get integer part */
echo $x,"
\n";
if (!settype( $x, "integer") ) {
echo "error\n";
}
echo $x," $x%5=",($x%5),"
\n";

?>

credit:http://www.bcoms.net/php/php04.asp

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

หลักการทำงานของ PHP

การใช้ตัวแปรในภาษา PHP

สำหรับการเขียนโปรแกรมสำหรับภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง สิ่งที่จะขาดเสียมิได้คือ การกำหนดและใช้ตัวแปร (variable) ตัวแปรในภาษา PHP จะเหมือนกับในภาษา Perl คือเริ่มต้นด้วยเครื่องหมาย dollar ($) โดยเราไม่จำเป็นต้องกำหนดแบบของข้อมูล (data type) อย่างเจาะจงเหมือนในภาษาซี เพราะว่า ตัวแปลภาษาจะจำแนกเองโดยอัตโนมัติว่า ตัวแปรดังกล่าว ใช้ข้อมูลแบบใด ในช่วงเวลานั้นๆ เช่น ข้อความ จำนวนเต็ม จำนวนที่มีเลขจุดทศนิยมตรรก เป็นต้น ตัวอย่างการใช้งาน เช่น
$mystring = "Hello World!";
$myinteger = 1031;
$myfloat = 3.14;

ถ้าเราต้องการจะแสดงค่าของตัวแปร ก็อาจจะใช้คำสั่ง echo ได้ ตัวอย่างเช่น
echo "$mystring\n";
echo "$myinteger\n";
echo "$myfloat\n";

สัญลักษณ์ \n หมายถึงการขึ้นบรรทัดใหม่ เป็น escape character ตัวหนึ่ง (สำหรับตัวอื่นๆ โปรดดูในตาราง) เมื่อพิมพ์ข้อความเป็นเอาพุต และโปรดสังเกตว่า สำหรับการใช้งานภายในเอกสาร HTML การขึ้นบรรทัดใหม่โดยใช้ \n จะแตกต่างจากการขึ้นบรรทัดโดยใช้
ใน HTML

$mystring = "Hello World!";
$myinteger = 1031;
$myfloat = 3.14;

echo "$mystring
\n";

echo "$myinteger
\n";

echo "$myfloat
\n";

?>


Escaped characters

\n newline
\r carriage
\t horizontal tab
\\ backslash
\$ dollar sign
\" double-quote
%% percent

ตัวแปรตัวหนึ่ง อาจจะมีข้อมูลหลายแบบในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่การจะใช้งานบ้างครั้งจะต้องดูด้วยว่า เมื่อไหร่จะใช้เป็นตัวเลขเท่านั้น และไม่ใช้กับข้อความเป็นต้น ตัวอย่างเช่น

$x = 10;
$y = $x + 15.5;
echo "$x, $y \n";
$x = "abc";
echo "$x \n";
$z = $x + 15.5;
echo "$x, $z \n";
echo ("100.5" - 16);
echo (0xef + 007);

?>

ในกรณีนี้ เรากำหนดในตอนแรกว่า $x ให้เก็บค่า 10 ซึ่งเป็นจำนวนเต็ม ถ้าเรานำมาบวกกับ 15.5 ผลที่ได้ก็จะเป็น 25.5 ซึ่งกลายเป็นเลขทศนิยม แล้วเก็บไว้ในตัวแปร $y ต่อมากำหนดให้ตัวแปร $x เก็บสตริงค์ที่เก็บข้อความ "abc" ถ้าเรานำมาบวกกับ 15.5 กรณีนี้ก็จะให้ผลที่ได้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่สามารถนำข้อความมาบวกกับตัวเลขได้
แต่ PHP อนุญาตให้เราทำเช่นนั้นได้ในบางกรณี สมมุติว่า สตริงค์มีเฉพาะตัวเลขและสามารถเปลี่ยนเป็น เลขจำนวนเต็ม หรือจำนวนจริงได้โดยอัตโนมัติ เราก็นำสตริงค์ นี้มาบวกลบคูณหรือหารกับตัวแปรที่เก็บเป็นตัวเลขได้

ค่าคงที่สำหรับเลขจำนวนเต็ม อาจจะอยู่ในรูปของเลขฐานแปดหรือสิบหกก็ได้ ถ้าเป็นเลขฐานแปดจะมีเลขศูนย์นำ ถ้าเป็นเลขฐานสิบหกจะมี 0x นำหน้า
credit:http://www.bcoms.net/php/php03.asp

หลักการทำงานของ PHP

ในปัจจุบัน Web site ต่าง ๆ ได้มีการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างรวดเร็ว อาทิเช่น เรื่องของความสวยงามและแปลกใหม่, การบริการข่าวสารข้อมูลที่ทันสมัย,เป็นสื่อกลางในการติดต่อ และสิ่งหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่ง อได้ว่าเป็นการปฏิวัติรูปแบบการ ขายของก็คือ E-commerce ซึ่งเจ้าของสินค้าต่างๆ ไม่จำเป็น ต้องมีร้านค้าจริงและไม่จำเป็นต้องจ้างคนขายของอีกต่อไปร้านค้าและตัวสินค้านั้น จะไปปรากฏอยู่บน Wed site และการซื้อขายก็เกิดขึ้นบนโลกของ Internet แล้ว PHP ช่วยเราให้เป็นการพัฒนา Web site และความสามารถที่โดดเด่นอีกประการ-หนึ่งของ PHP นั้น คือ database-enabled web page ทำให้เอกสารของ HTML สามารถที่ จะเชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูล (database)ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จึงทำให้ ความตองการในเรื่องการจัดรายการสินค้าและรับรายการสั่งของตลอดจนการจัดเก็บ ข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญผ่านทาง Internet เป็นไปได้อย่างง่ายดาย
PHP เป็นภาษาจำพวก scripting language คำสั่งต่างๆจะเก็บอยู่ในไฟล์ที่เรียกว่า สคริปต์ (script) และเวลาใช้งานต้องอาศัยตัวแปลชุดคำสั่ง ตัวอย่างของภาษาสคริปก็เช่น JavaScript, Perl เป็นต้น ลักษณะของ PHP ที่แตกต่างจากภาษาสคริปต์แบบอื่นๆ คือ PHP ได้รับการพัฒนาและออกแบบมา เพื่อใช้งานในการสร้างเอกสารแบบ HTML โดยสามารถสอดแทรกหรือแก้ไขเนื้อหาได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงกล่าวว่า PHP เป็นภาษาที่เรียกว่า server-side หรือ HTML-embedded scripting language เป็นเครื่องมือที่สำคัญชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถสร้างเอกสารแบบ Dynamic HTML ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีลูกเล่นมากขึ้น
เนื่องจากว่า PHP ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัว Web Server ดังนั้นถ้าจะใช้ PHP ก็จะต้องดูก่อนว่า Web server นั้นสามารถใช้สคริปต์ PHP ได้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น PHP สามารถใช้ได้กับ Apache Webserver และ Personal Web Server (PWP) สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 95/98/NTในกรณีของ Apache เราสามารถใช้ PHP ได้สองรูปแบบคือ ในลักษณะของ CGI และ Apache Module ความแตกต่างอยู่ตรงที่ว่า ถ้าใช้ PHP เป็นแบบโมดูล PHP จะเป็นส่วนหนึ่งของ Apache หรือเป็นส่วนขยายในการทำงานนั่นเอง ซึ่งจะทำงานได้เร็วกว่าแบบที่เป็น CGI เพราะว่า ถ้าเป็น CGI แล้ว ตัวแปลชุดคำสั่งของ PHP ถือว่าเป็นแค่โปรแกรมภายนอก ซึ่ง Apache จะต้องเรียกขึ้นมาทำงานทุกครั้ง ที่ต้องการใช้ PHP ดังนั้น ถ้ามองในเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน การใช้ PHP แบบที่เป็นโมดูลหนึ่งของ Apache จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
ลักษณะเด่นของ PHPใช้ได้ฟรี
PHP เป็นโปร แกรมวิ่งข้าง Sever ดังนั้นขีดความสามารถไม่จำกัด
Conlatfun-นั่นคือPHP วิ่งบนเครื่อง UNIX,Linux,Windows ได้หมด
เรียนรู้ง่าย เนืองจาก PHP ฝั่งเข้าไปใน HTML และใช้ดครงสร้างและไวยากรณ์ภาษาง่ายๆ
เร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมือใช้กับ Apach Xerve เพราะไม่ต้องใช้โปรแกรมจากภายนอก
ใช้ร่วมกับ XML ได้ทันที
ใช้กับระบบแฟ้มข้อมูลได้
ใช้กับข้อมูลตัวอักษรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้กับโครงสร้างข้อมูลใช้ได้แบบ Scalar,Array,Associative array
ใช้กับการประมวลผลภาพได้

credit:http://thaigpl.medianewsonline.com/index.php?topic=108.0

ความหมายของ PHP

ภาษาพีเอชพี (PHP Language) คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ประเภทโอเพนท์ซอร์ท (Open Source Computer Language) สำหรับพัฒนาเว็บเพจแบบไดนามิก เมื่อเครื่องบริการได้รับคำร้องจากผู้ใช้ก็จะส่งให้กับ ตัวแปลภาษา ทำหน้าที่ประมวลผลและส่งข้อมูลกลับไปยังเครื่องของผู้ใช้ที่ร้องขอ ในรูปเอชทีเอ็มแอล ภาพ หรือแฟ้มดิจิทอลอื่นใด ลักษณะของภาษามีรากฐานคำสั่งมาจากภาษาซี เป็นภาษาที่สามารถพัฒนาให้ใช้งานแบบโต้ตอบกับผู้ใช้ได้
ภาษาพีเอชพี (PHP Language) มีการทำงานแบบเซอร์ฟเวอร์ไซต์สคริปต์ (Server-Side Script) จึงต้องมีเครื่องบริการ (Server) ที่ทำหน้าที่บริการการแปลภาษา และส่งผลให้กับเครื่องผู้ใช้ (Client) ที่ร้องขอด้วยการส่งคำร้องเข้ามายังเครื่องบริการ คำว่า PHP ย่อมาจาก Personal Home Page แต่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงเปลี่ยนเป็น Professional Home Page

credit:http://www.thaiall.com/php/indexo.html

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความแตกต่างและความเหมือน

ความแตกต่างและเหมือนของ มหัศจรรย์แห่งรัก : คิดถูก โปร่งใส ใจสูง

คือ... ความรัก และ ความคิด

ความรัก...ถ้ารักเป็นและรักถูกทางก็ทำให้เราสำเร็จได้อยู่ในแนวทางปฏิบัติ มีใจรักในทางใดก็ทำสิ่งสิ่งนั้นให้สำเร็จ

ความคิด...ถ้าเราคิดเป็นและคิดถูก คิดดี ก็ทำให้เราสำเร็จได้เช่นเดียวกัน แต่เป็นการคิด ใช้ความคิดนำให้ไปสู่ความรักและปฏิบัติ คิดถูกชีวิตก็ไปได้ด้วยดี คิดแล้วค่อยปฏิบัติ

แต่ถ้าความรักที่แท้จริงกับความคิดที่จริงจังมารวมกันในชีวิตก็จะทำให้ชีวิตมีความสุขและราบรื่นประสบความสำเร็จในชีวิตแน่นอน

คิดถูก โปร่งใส ใจสูง

คิดถูก นำทางไปสู่ ความโปร่งใส ทำให้คนเรา ใจสูง

คิดถูก : คือเข็มทิศชี้นำชีวิตให้ก้าวไกล
ชีวิตของคนเราจะเป็นอย่างไรนั้นอยู่ที่ความคิดของคนเราที่จะทำให้ก้าวไปในทางที่ถูก เช่น เรือต้องมีเข็มทิศบอกเส้นทาง ส่วนคนเรามีความคิดใช้แทนเข็มทิศบอกเส้นทางชีวิตที่จะทำให้เราไปสู่เป้าหมาย ความคิดเป็นการนำทางที่ดีของชีวิต ถ้าเราคิดถูกชีวิตของเราก็ไปได้ถูกทาง แต่คิดผิดชีวิตก็จะไปผิดทางเท่านั้นเอง

การเปลี่ยนวิธีการคิด ทำให้ชีวิตเปลี่ยน ถ้าเราตั้งชีวิตหรือเข็มทิศที่ดี ชีวิตของเราก็จะเดินไปตามที่เราคิดไว้ แต่ถ้าเราคิดผิดชีวิตทั้งชีวิตของเราผิดหมด คนหนึ่งคนเปลี่ยนวิธีคิดของตนจนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ในอีกแง่หนึ่งคนหนึ่งคนที่ไม่เปลี่ยนแปลงวิธีคิดของตนก็จะสามารถทำให้โลกล่มสลายได้เช่นกัน ถ้าใครมีวิธีคิดที่ถูกต้องหรือเปลี่ยนแปลงความคิดในวิธีที่ถูกทางก็จะเป็นผู้มีความสำเร็จในทุกๆที่และทุกๆเวลา

การคิดนั้นเราคิดถูก คิดผิด ชีวิตของเราสามารถเลือกได้ เพราะเรามีทางเลือกเสมอ คนเรามีสองทางเลือกในชีวิต ตัวอย่างเช่น
พ่อครัวในอเมริกา เป็นคนที่มีอารมณ์ขัน เป็นชีวิตจิตใจ วันหนึ่งโจรมาปล้นร้าน แกได้ถูกยิงที่พุง เสียเลือดมาก รถโรงพยาบาลมารับ ก่อนขึ้นรถเพื่อนของแกได้ตะโดนบอกว่า ห้ามหลับตา ตลอดทางพ่อครัวพยายามไม่หลับตา คิดว่าไม่เป็นไรยังมีอารมณ์ขัน แกเสียเลือดมากจนคุณมากบอกว่าไม่รอดแน่จึงไม่ผ่าตัดแต่คุณหมอยังเห็นพ่อครัวยังไม่หลับตาจึงถามพ่อครัวว่า ในชีวิตนี้คุณเคยพ่ออะไรบ้าง พ่อครัวบอกว่า แพ้ลูกปืนที่ยิงใส่พุงนี้แหละในชีวิต จากนั้นคุณหมอทำการผ่าตัดทันที จนรอดชีวิต ถ้าในวันนั้นพ่อครัวได้หลับตาลงและคนถึงในความเจ็บปวดคงตายไปในวันนั้นแล้ว คนเราเลือกได้เสมอ

..."ถ้าเราคิดถูก ความโปร่างใสก็ทำให้เราใจสูงได้"...

มหัศจรรย์แห่งรัก

14 มิติรัก จากนักปราชญ์ สู่ความชาญฉลาดใน "ความรัก" ของ ว.วชิรเมธี

ประโยชน์ที่ได้จากการศึกษาสอนให้รู้เกี่ยวกับเรื่อง "ความรัก" การรักที่ต่างจากความคิด รักให้เป็น ในนี้กล่าวถึงความรักที่เป็นมิติรักในหลายด้านหลายแง่มุม มีความหลากหลายมุมมอง เช่น รักแท้ รักมีแต่ให้ รักเมตตาอารี รักใคร่ปรารถนา รักตัวกลัวตาย ยกตัวอย่างเช่น

Knowledge : รัก เรียน รู้ คือ ความรักในการเรียนศึกษาหาความรู้ เป็นความรักแบบมีแรงจูงใจ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ใฝ่สร้างสรรค์ ที่เรามีใจที่จะเรียนรู้มัน
๐ การเรียน เราต้องมีใจรัก รักที่จริงจัง คลั่งไคล้ ใหลหลง ความรักที่มีความพอใจที่จะแสวงหาความรู้
๐ ต้องพากเพียรทำ ไม่ระย่อ ไม่ท้อ ไม่ถอย ความรักที่มีความเพียรพยายาม ความอดทน ในการที่จะศึกษาและต่อสู้ต่ออุปสรรค
๐ มีใจจดจ่อจำจิต ทุ่มเท อุทิศตน เป็นคนมุ่งมั่น ความรักที่ทุ่มเทเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ถึงที่สุด
๐ รู้จักการวินิจ วิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ความรักที่รู้จักใช้ปัญญาพินิจพิจารณาต่อทุกๆสิ่งจากการศึกษาค้นคว้า วิจัย

ความรักธรรมฉันทะ คือ การมีใจรัก ของ พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินทปญโญ)ที่ท่านมีใจรักในการศึกษาพระธรรมจนกลายเป็นพระนักปราชญ์ ความสำเร็จของท่านจะไม่สำเร็จถ้าท่านไม่มีความรัก วิริยะ คือ ใฝ่ขยัน พากเพียรศึกษาในพระธรรม "เพียรพยายาม มีวามหมายว่า แหล่งแห่งความรู้อยู่ที่ไหน เราจะต้องก้าวเข้าไปหาแหล่งแห่งความรู้ที่อยู่ตรงนั้น"

การที่นักปราชญ์ทุกท่านสำเร็จขึ้นมาได้นั้น ไม่ได้มาจากเรียนในมหาวิทยาลัยแต่ผู้รู้ต่างก้อทุ่มเทที่อุทิศตนจะศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งมีความรักในการจดจำจ่อจิต ที่จะหาความรู้ให้เป็นนักปราชญ์

ความรักในการวินิจวิจัย ตัวอย่างเช่น มาดามมารี กูรี ได้วิจัย วิเคราะห์ ในการค้นพบธาตุเรเดียม และใช้ธาตุเรเดียมในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง ท่านได้ทุ่มเทอุทิศตน ในการวิจัยจนกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงคนแรกของโลก

...รัก เรียน รู้ เป็นความรักในอีกหนึ่งมิติของความรักถ้าใครมีแล้วและทำได้จะมีความสำเร็จได้อย่างแน่นอน...

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความสุขของการเข้าค่ายคุณธรรมจริยธรรม

เข้าค่าย 26-27 มิถุนายน 2553
เสาร์-อาทิตย์ที่สุขแสนสบายในวันหยุดแต่กลับกลายมาเป็นวันที่แสนทรมาน คือความคิดก่อนเข้าค่าย ในทางกลับกันเมื่อได้เข้าปฏิบัตินั่งฟังธรรมแล้ว ความคิด เสาร์-อาทิตย์ที่แสนสุขสบายก็กลับคืนมาเช่นเดิม การฟังธรรมไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเพราะท่านวิทยากรบรรยายธรรมะได้อย่างสนุก ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด หัวเราะกันกระจาย ไม่ทำให้เครียด

ประโยชน์ที่ได้รับ
-ได้เพื่อนใหม่
-มีความรักสามัคคีกันมากขึ้น
-ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนยังค้นหาไม่พบ
-คำสั่งสอนของท่านวิทยากร
และอีกมากมาย

คำสอนที่จดจำ
ยิ้ม ไหว้ ทักทาย
เมืองไทยเมืองยิ้ม การไหว้คือเอกลักษณ์ ทักทายให้รู้จักผู้คน
อ.ข.ว ย่อมาจาก เอาใจ เข้าใจ ไว้ใจ
3 อย่างที่ควรเข้าใจกันจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไม่ว่าจะกับเพื่อนก็ดีหรือกับแฟนก็ดี

สิ่งที่ประทับใจที่สุด
คือวันสุดท้ายก่อนจากลา ให้คิดถึงเพื่อนเปิดโอกาสให้ไปหาเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันมาก่อนในวิทลัยทำให้ได้เจอเพื่อน คุยกับเพื่อน กอดเพื่อนอีกครั้ง เพราะโอกาสน้อยมากที่จะได้เจอกันเป็นสิ่งที่ประทับใจทำให้รู้ว่าเพื่อนก็ยังคิดถึงเรา

เราจะอยู่ร่วมกันฉันพี่น้อง
จะประคองกันไปให้ถึงฝัน
เปิดใจกว้างว่าอย่างไรว่าตามกัน
สำนึกมั่นมุ่งเน้นความเป็นทีม

วิธีการลง Windows XP Professional

1.ใสแผ่น CD แล้ว Restart เครื่อง จากนั้นรอ กด F10
2.Boot>เลือก Boot Device Priority กด Enter> เลือก 1St Boot Device [CD-ROM Group]
3.กด F10 ทำการBoot ให้กด YES,ENTER
4.กด Esc ถ้าอยู่ในไดร์ D แล้วกด L
5.เลือกไดร์ C>ENTER กด C
6.เลือก [Quick] ENTER กด F
7.หน้าจอจะแสดง Windows xp Professional Setup แล้วตั้งชื่อเครื่อง
8.ลบ Password>ENTER
9.หน้าจอแสดง Welcome to Microsoft Windowsให้กด Next
10.หน้าจอแสดง Help proect your PC คลิกที่เพื่อ Not right now เพื่อจะไม่ให้เครื่องลงโปรแกรมให้แล้วกด Next
11.หน้าจอแสดง Who will use this computer ตั้งชื่อ Your name เครื่องแล้วกด Next
12.กด Finish
เสร็จสิ้นการ Boot

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความสวยงามอยู่ที่มือคุณ

การทำฟองอากาศ


วิธีการทำฟองอากาศ
1.ตั้งค่าหน้ากระดาษ แล้วเลือกสีเทา
2.คลิ๊กที่แถบเมนูด้านบน เลือก Filter > Distort > Polar Coordinates และเลือก Polar to Rectangular 3.ทำ Background โดยการดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Layer Background
4.ไปที่แถบเมนูด้านบน เลือก Filter > Distort > Polar Coordinates และเลือก Rectangular to Polar
5.เลือก Elliptical Marquee Toolจากนั้นกด Shift ค้าง แล้วลากเม้าส์เพื่อสร้าง Selection วงกลม
6.กด Ctrl + Shift + i เพื่อกลับด้าน Selection แล้วกด Delete เพื่อลบพื้นที่ที่เราไม่ต้องการ
7.จากนั้นเลือกรูปที่ต้องการจะนำฟองอากาศไปใส่ขึ้นมา
8.ลากฟองอากาศไปใส่รูปจัดแต่งตามต้องการ

พบกันอีกครั้งกับการตกแต่งสร้างภาพรูปแบบต่างๆ

ภาพสเก๊ต


วิธีการทำภาพสเก๊ต
1.เลือกรูปที่ต้องการสเก๊ต
2.copy Backgroud คลิกขวาที่ Backgroud เลือก Duplicate Layer
3.กด Shift+Ctrl+Alt จะเป็นภาพขาวดำ
4.จากนั้นทำการ Copy Layer ดับเบิ้ลคลิกที่ Layer copy เปลี่ยนจาก Nomal ให้เป็น Color Dodge
5.กด Ctrl+I ไปที่ Filter+Blur+Gaussian Blur
6.ปรับภาพตามต้องการ

ภาพวาด


วิธีการทำภาพวาด
1.เลือกรูปที่ต้องการ
2.copy Backgroud ไปที่Filter+Stylize+Find Edges
3.จากนั้นไปที่ Filter+Blur+Gaussian Blur
4.ปรับระดับตามความเหมาะสม

ภาพซ้อน


วิธีการทำภาพซ้อน
1.เลือกรูปที่ต้องการจะทำการซ้อน
2.ลากรูปที่ 2 มาซ้อนที่ Backgroud เดียวกัน
3.จากนั้นไปที่ Layer+Layer Mask+Reveal All
4.แล้วไปที่เครื่องมือ Gradient Tool เลือกสีขาวดำ
5.แล้วลากเพื่อจะให้ภาพได้ซ้อนกันตามต้องการ

ภาพสีน้ำ


วิธีทำภาพให้เป็นเหมือนสีน้ำ
1.เลือกรูปมาเป็นอันดับแรก
2.จากนั้นไปที่ Filter+Artistic+Watercolor
3.ปรับระดับตามความต้องการให้ออกมาดูดี

ภาพรุ้งกินน้ำ


วิธีการใส่รุ้งกินนำในภาพที่ต้องการ
1.เลือกภาพ
2.สร้าง Layer ขึ้นมา
3.จากนั้นไปที่เครื่องมือ Gradient Tool
4.แล้วไปเลือกสีลูกเล่นที่ Special Effects เลือกสีคล้ายรุ้ง
5.แล้วนำมาลากใส่ Layer ที่สร้างไว้
6.จัดวางตามต้องการปรับOpacity ให้จางลง

ภาพ 3 มิติ


วิธีการทำภาพ 3 มิติ
1.เลือกรูปที่ต้องการ
2.ตัดภาพของเราที่ต้องการจะนำไปใส่ภาพ 3 มิติ
3.จากนั้นสร้างหน้ากระดาษขนาดตามที่ต้องการ
4.แล้วไปเลือกสีที่ต้องการจากนั้นไปที่Filter+Render+Clouds
5.จากนั้นก็ไปที่Filter+Stylize+Extrudeเพื่อปรับภาพ 3มิติ
6.แล้วนำภาพที่ตัดไว้ลากมาใส่
7.จัดแต่งให้เก๋ไก๋

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มาอีกแล้วการทำPhotoshop CS5 ที่แสนง่าย



วิธีการทำสายฟ้า
1.เลือกรูปที่ต้องการ
2.สร้างหน้ากระดาษให้เป็น International Paper
3.ทำ Background ให้เป็น Layer0
4.เปลี่ยนจาก Nomal เป็น Screen
5.แล้วไปที่เครื่องมือ Gradient Tool เปลี่ยนสีให้เป็น ขาว-ดำ
6.ลากลงใน Papre ให้เป็นขาว-ดำ
7.จากนั้นไปที่ Filter-Render-Difference clouds
8.กด Ctrl+L ปรับ Input Levels ให้เป็น 208-0.40
9.กด Ctrl+I ให้เป็นรูปสายฟ้า ลากไปใส่รูปที่เลือกไว้
10.จากนั้นกด Ctrl+U เพื่อปรับสี คลิกที่ Colorize ปรับตกแต่งสีตามต้องการ



วิธีการทำภาพโลโม้
1.เลือกภาพที่ต้องการ
2.สร้าง Background ขึ้นมาอีกหนึ่ง โดยคลิกขวาที่ Background คลิกที่ Dvplicate Layer
3.เปลี่ยนจาก Nomal เป็น Soft Light
4.สร้าง layer ขึ้นมาเปลี่ยน feather เป็น 30px ไปที่เครื่องมือ Rectargvlar Marquee Tool
5.ลากใส่รูปให้เป็นคล้ายกรอบรูป
5.คลิกขวา Select Inverse ใช้เครื่องมือ Paint Bucket Tool เพื่อเติมสีเลือกเป็นสีดำ-ขาว
6.จากนั้นกด ctrl-j เพื่อ copy layer เปลี่ยน Nomal ให้เป็น Overley ทั้งสอง
7.สร้าง layer ขึ้นมาอีกไปที่เครื่องมือ Gradient tool เป็นสีให้เป็นสีขาวหมด
8.แล้วลากเพื่อทำเป็นคล้ายๆแสงสว่าง แล้วเลื่อน layer นั้นมาใส่ระหว่างกลางของสอง layer ก่อนหน้า

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ลูกเล่นของ PhotoShop Cs5



วิธีการทำภาพจิ๊กซอ
1.เลือกภาพที่จะนำมาทำเป็นจิ๊กซอให้เป็นฺ Back ground
2.กด ctrl+J เพื่อเพิ่ม Layer
3.ไปที่ Styles เลือกลูกเล่นที่ Puzzle (Image) เพื่อให้ภาพเป็นจิ๊กซอ
4.จากนั้นไปปรับภาพให้เป็น 50% ไปที่ Opacity
5.แล้วไปดับเบิ้ลคลิกที่ Back ground ที่เราแต่ง
6.มันจะขึ้นเป็น Layer Style
7.ให้ไปคลิกที่ Texture ไปปรับที่ Scale และ Depth ตามความเหมาะสมของรูป
8.ก็จะได้ภาพเป็นจิ๊กซอ Save ภาพเป็น JPGE ค่ะ




วิธีการทำภาพข้างหลังให้เบลอ
1.เลือกรูปที่ต้องการจะทำการเบลอ
2.กด ctrl+J เพื่อเพิ่ม Layer
3.จากนั้นไปที่ Fiter>Blur>Gaussian Blur
4.ปรับระดับความเบลอของรูปที่ต้องการ
5.จะกดที่ Add Vector Mask เพื่อเพิ่ม Layer ซ้อนขึ้นมา
6.แล้วไปที่เครื่องมือ Brush Tool เพื่อจะทำให้ภาพที่เราไม่ต้องการเบลอชัดขึ้น
7.โดยปรับเปลี่ยนสีให้เป็น สีดำ-ขาว
8.จากนั้นก็ทำการ Brush ตรงที่เราไม่ต้องการเบลอ
9.ก็จะได้ภาพเบลอด้านหลังภาพ Save ภาพเป็น JPGE ค่ะ




วิธีการทำไฮไลท์สีผม
1.เลือกภาพที่ต้องการจะไฮไลท์สีผม
2.สร้าง Layer ขึ้นมาอีกหนึ่ง
3.จากนั้นใช้เครื่องมือ Polygonal Lasso Tool เพื่อทำการไฮไลท์
4.จัดลากให้เป็นทรงแล้วเติมสีด้วยเครื่องมือ Paint Bucket Tool
5.ไปที่ Filter > Blur > Gaussian Blur แล้วปรับค่า Radus ตามความเหมาะสมสวยงาม
6.เสร็จสมบูรณ์ไฮไลท์สีผม




วิธีการทำภาพให้ฉีกขาด
1.เลือกภาพที่ต้องการจะฉีก
2.ใช้เครื่องมือ Lasso Tool ตัดฉีกแบ่งครึ่ง
3.สร้าง Untitled ขึ้นมาใหม่แล้วลากภาพที่ตัดไปใส่
4.จากนั้นภาพอีกครึ่งก็ลากตามไปใส่
5.จัดตกแต่งให้เหมือนภาพที่ฉีกขาดแล้ว
6.ก็จะได้ภาพที่ฉีกขาดค่ะ




วิธีการทำกรอบรูปที่แสนง่ายและแถมน่ารัก
1.เลือกหากรอบรูปต้องการ และรูปตนเอง
2.ใช้เครื่องมือ Magic Wand Tool ตัดกรอบรูปสีขาวให้เป็นช่องว่าง
3.จากนั้นกรอบรูปลากไปใส่รูปตนเองที่เตรียมไว้ในอีก Layer หนึ่ง
4.ตกแต่งด้วยเครื่องมือ Brush Tool ตกแต่งกรอบรูปให้สวยงาม

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สรุปวิธีการตัดต่อหน้าตามความเข้าใจ

วิธีการตัดต่อใบหน้าของตัวเองใส่ใบหน้าคนอื่น
1.เลือกรูปที่จะตัดต่อ รูปภาพของตนเองที่คล้ายกันกับรูปที่จะนำไปใส่
2.ตัดต่อใบหน้าของตนเองด้วยเครื่องมือ Magnetic Lasso Tool แล้วนำไปใส่ Layer ที่สร้างไว้
3.แต่งภาพให้เนียนใช้เครื่องมือ Eraser Tool ลบส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกจัดแต่งใบหน้าให้เข้ากัน
4. จากนั้นใช้เครื่องมือ Blur Tool ที่คล้ายหยอดน้ำช่วยทำให้รูปดูดีขึ้นทำให้ภาพเนียน
5.ปรับความสว่างโดยไปที่ Adjustments – Brightness/Contrast ให้ดูสว่างขึ้น
6.แล้วปรับสีให้คมชัด ไปที่ Adjustments – Color Balance ปรับให้กลมกลืนกับสีผิว
7.ถ้าต้องการดูดสีของสีผิวไปใส่ใบหน้า หรือสีของใบหน้าให้เหมือนกับสีผิวโดยการใช้เครื่องมือ Color Replacement Tool แล้วกด Alt แช่ไว้แล้วดูดสี
8.จากนั้นก็นำไปใส่ใบหน้าหรือสีผิว
9.ถ้าต้องการทำให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น ใช้เครื่องมือ Dodge Tool
10.ต้องการให้ภาพดูคมเข้มขึ้น ใช้เครื่องมือ Burn Tool
11.ปรับตกแต่งให้ดูดีแล้ว Save

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สร้าง Photoshop CS5 จากรูปตัวเอง

Photoshop CS5 Animation


คลิกที่รูปแล้วคุณจะรู้


1.เลือกรูปภาพ แล้วนำมาตัดด้วย Magnetic Lass Tool ตามที่ต้องการ ตัดแต่งให้สวยงาม


2.เลือกรูปพื้นหลัง แล้วสร้าง Layerไว้ ตามที่เราต้องการ


3.นำรูปที่ตัดไว้นำมาใส่แล้ว ไปที่ Edit-Transform-Flip Horizontel (เพื่อกลับรูป ถ้าใช้ 2 รูป)


4.ไปที่ Edit-Pupet Warp แล้วกดตามจุด ศีรษะ มือ หัวไหล่ เอว และเท้า กด Altแช่ไว้ ปรับตามที่ต้องการ



5.เสร็จแล้วไปที่ Window-Animation จัด Layer ตามที่ปรับไว้



6.จัดเรียงรูปและปิดตาของ Layer แต่ละรูป แล้วปรับเวลาตามที่ต้องการ


7.Save ไปที่ file-Save for Web&Devices ค่ะเสร็จสมบูรณ์

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

“การคิดเชิงสร้างสรรค์”

ประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษา “การคิดเชิงสร้างสรรค์”

Creative Thinking (การคิดเชิงสร้างสรรค์) การคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ความคิดที่ไม่เคยมีมาก่อน(New Original)ใช้การได้(Workable)และมีความเหมาะสม(Appropriate)การคิดเชิงสร้างสรรค์ คือ การคิดเพื่อการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิมไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ที่ต่างไปโดยสิ้นเชิงหรือที่เรียกว่า "นวัตกรรม"(Innovation)

เพื่อกระตุ้นให้มีความคิดอย่างสร้างสรรค์ ให้รู้ว่าความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช้พรสวรรค์ของบุคคลแต่เกิดจากการเรียนรู้ ทักษะ และการฝึกฝน ให้มีการพัฒนาทางด้าน “ความคิด” อย่างมีศักยภาพ คิดในหลาย ๆ มิติ คิดในทางสร้างสรรค์ เช่น การคิดแง่บวก คิดแต่ในทางที่ดี การกระทำที่ไม่ทำร้ายใครไม่เบียดเบียนผู้อื่น และคิดสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ แหวกแนวที่แตกต่างจากเดิม ไม่ลอกเลียนแบบใคร ใช้การได้และสามารถที่จะนำไปพัฒนาต่อไปได้ มีความเหมาะสมที่เป็นเหตุเป็นผลเป็นองค์ประกอบ
ความคิดนั้นที่จะสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้ 2 ทาง

- เริ่มจากจินตนาการ แล้วย้อนกลับสู่สภาพความเป็นจริง คือการคิดจินตนาการจากความฝัน ทำให้เป็นความจริงขึ้นมา
- เริ่มจากความรู้แล้วคิดต่อยอดสู่สิ่งใหม่ คือการนำความรู้ที่มีอยู่แล้ว โดยเราไม่ได้คิดขึ้นมาเองนำมาทำให้เป็นสิ่งใหม่ๆ

ความคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการอย่างหนึ่ง ใช้เมื่อมีไอเดียใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นการผสมผสานของไอเดีย ความคิดต่างๆซึ่งไม่เคยผสมรวมตัวกันมาก่อน แล้วระดมสมองความคิดสร้างสรรค์โดยนำความคิดของคนอื่น ผสมรวมกันกับของเราเพื่อสรรค์สร้างไอเดียใหม่โดยใช้ประโยชน์ไอเดียนั้นของคนอื่น เกิดไอเดียใหม่ต่างๆโดยได้รับการก่อตัวขึ้นมา จากการผสมรวมตัวของไอเดียที่มีอยู่ในใจของเรา กับไอเดียที่ดังขึ้นของคนอื่น
ไม่มีการใช้เทคนิคพิเศษใดๆ ความคิดสร้างสรรค์ก็ยังคงเกิดขึ้นมาได้ แต่ปกติมันจะเกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ ความบังเอิญหรือโอกาสที่เกิดขึ้น ทำให้เราคิดถึงบางสิ่งบางอย่างในหนทางที่แตกต่าง และได้ค้นพบการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ เปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆผ่านการใช้ความคิดสติปัญญา ความก้าวหน้า การอาศัยความก้าวหน้าโดยความบังเอิญหลายครั้ง ต้องใช้เวลานานมากกับการผลิต พัฒนา ปรับปรุง
การใช้เทคนิควิธีพิเศษความคิดสร้างสรรค์นั้นละเอียดอ่อนประณีตสามารถถูกนำมาใช้ได้เพื่อพัฒนาไอเดียใหม่ๆ จะช่วยเกิดลำดับการณ์ที่กว้างขวางของการผสมผสานไอเดีย จุดประกายความคิดใหม่ๆและกระบวนการใหม่ๆ

การคิดเชิงสร้างสรรค์ คือ การขยายขอบเขตความคิดออกไปจากกรอบที่มีอยู่แล้วไปสู่ความคิดใหม่ๆ ที่จะได้หาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับสิ่งที่เราคิด กล้าที่จะคิดแตกต่าง เพราะการคิดเชิงสร้างสรรค์นั้นเป็นกระบวนการที่มีขั้นตอน คือ

-คิดอย่างมีเป้าหมาย ที่จะทำให้เราไปสู่ความสำเร็จ
-แสวงหาแนวคิดใหม่ๆ ที่จะแตกต่างเพื่อให้เป้าหมายที่เราคิดสำเร็จ
-ประเมินและคัดเลือกแนวคิดที่เราคิดได้มากลั่นกรอง สมเหตุสมผลตามความต้องการของเป้าหมาย

สิ่งที่จะช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้ คือ ต้องมีองค์ประกอบทางด้านทัศนคติ บุคลิก ลักษณะ สติปัญญา ความรู้ รูปแบบการคิด แรงจูงใจ และสภาพแวดล้อมจะทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ที่เต็มรูปแบบ
การที่เราคิดโดยสร้างสรรค์จะทำให้เราแก้ปัญหาได้ลงตัวกับปัญหา เกิดนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง มีการแข่งขันกันในหลายด้าน สามารถช่วยให้เราได้สิ่งที่ “ดีกว่า” แทนกับสิ่งเดิมๆที่มีอยู่ ทำให้เราเฉลียวฉลาดหลายด้าน ฉลาดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ ปฏิบัติจริง

อุปสรรค์ต่อการคิดสร้างสรรค์

-ในสังคมจะสอนให้พึ่งพาผู้ใหญ่มากกว่าที่พึ่งพาตนเอง
-ระบบการศึกษาสอนให้จำมากกว่าให้คิด จึงไม่สามารถแยกออกได้ว่าอันไหนที่คิดอย่างสร้างสรรค์
-ให้คุณค่าความดังมากกว่าความสร้างสรรค์ ยกย่องแต่ของที่นิยมจึงทำให้การคิดสร้างสรรค์ถูกยับยั้ง
-สังคมให้คุณค่าความเหมือนมากกว่าความแตกต่างเป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ที่อยากจะแตกต่างแต่ต้องทำตามความเหมือน
-ดำเนินตามสถานการณ์ ไม่ช่างคิด ทำตัวตามสบายโดยไม่มีเป้าหมาย มีอะไรอยู่แล้วก็มีไป ไม่คิดที่จะสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นสิ่งใหม่
-ลงโทษคนคิดสร้างสรรค์ด้วยการว่าลอกเลียนแบบ การตอบสนองความเคยชิน มองว่าตนเองไม่มีความคิดสร้างสรรค์ คิดแต่ในแง่ลบ
-กลัวว่าจะเป็นแกะดำที่จะคิดในสิ่งแปลกแตกต่างจากคนอื่น กลัวผิดพลาด ล้มเหลว
-ยึดติดกับความรู้มากเกินไปที่จะยึดติดกับอิสระยึดติดกรอบความคิดเดิม มุมมองเดิม ทำให้ความคิดนั้นไม่ออกมา

วิธีพัฒนาความคิดสร้างสรรค์

- ช่วยกันระดมสมอง เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดในองค์กร เพราะสามารถทำให้เกิดความคิดใหม่ๆมากขึ้น
- ลองคิดในมุมกลับ จะทำให้เราไม่ยึดติดกับความคิดเดิมๆ และช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดใหม่ๆ ที่เราไม่คาดคิดมาก่อน
- ตั้งคำถามให้ตัวเอง เป็นการฝึกนิสัย เป็นคนใช้ความคิด หมั่นตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
- ใช้การเปรียบเทียบ แก้ปัญหาสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย คิดในมุมที่แตกต่างนำมาเปรียบเทียบจากที่เคยเป็นอุปสรรคนำมาเป็น
อุปมาอุปไมย

ทัศนคติของนักคิดสร้างสรรค์

เราต้องทำลายกรงขังความคิด ทัศนคติที่ผิด ให้คิดในแง่บวก อย่าคิดในแง่ลบ ห้ามกลัวในความคิดที่จะคิด กล้าที่จะลองทำ คิดตามใจตนเองอย่าดึงเพื่อนมาคิด เปิดรับประสบการณ์ หาความรู้ไม่ปิดโอกาสของตนเอง อย่ารักสบาย ต้องอดทนบากบั่น ทำให้สำเร็จ อย่ากลัวที่จะคิดต้องกล้าเสี่ยง สู้ต่อคำถามที่จะต้องให้มีคำตอบ อย่าหมดกำลังใจ เรียนรู้เพื่อล้มเหลว แต่อย่าท้อกับความผิดพลาด ล้มแล้วต้องลุก อย่ากลัวการเผยแพร่ผลงาน กล้าที่จะแสดงออกกับผลงานของเราที่แหวกความคิดสร้างสรรค์ออกมา
การคิดอย่างสร้างสรรค์นั้นขึ้นอยู่กับตัวเราที่จะคิดหรือจะอยู่เฉยๆเมื่อเราต้องการคิด คิดแล้วคิดอีกยังไม่เจอคำตอบเราก็ต้องกลับย้อนไปหาคำถามว่าคำตอบนั้นมันคืออะไร เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยในการคิดออกนอกกรอบหรืออาจจะเป็นคำถามที่เราตั้งอาจจะไม่มีคำตอบก็เป็นไปได้ ดังนั้นเราต้องมั่นคิดถึงจะเป็นคนที่คิดอย่างสร้างสรรค์
ทัศนคติเป็นตัวบ่งบอกว่า เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์มากน้อย หรือไม่สร้างสรรค์ ทัศนคติที่ไม่ถูกต้องจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ ถึงรู้เทคนิควิธีการคิดสร้างสรรค์มากเพียงใดก็ตาม ก้าวแรก จึงจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขและเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับการเป็นนักคิดสร้างสรรค์หากเราเรียนรู้วิธีการคิดอย่างสร้างสรรค์และกล้าที่จะใช้ประโยชน์จากมันพบว่าความคิดสร้างสรรค์จะนำเราไปพบกับสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่า และการแก้ปัญหาที่ตรงประเด็น การคิดสร้างสรรค์ นำไปสู่การพัฒนา ทั้งพัฒนาสติปัญญาของตนเอง พัฒนางานและสังคม

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีการเขียน Hiren's BootCD ลงแผ่นซีดีด้วย Nero Express

วิธีการเขียน Hiren's BootCD ลงแผ่นซีดีด้วย Nero Express
ดาวน์โหลดโปรแกรม Hiren's BootCD 9.9 ขั้นตอนต่อไปจะต้องทำการเขียน (Burn) ลงแผ่นซีดี แสดงวิธีการเขียน Hiren's BootCD 9.9 ลงแผ่นซีดีด้วยโปรแกรม Nero Express ตามขั้นตอนดังนี้

1. ให้ทำการแตกไฟล์ Hirens.BootCD.9.9.rar หรือ (zip) โดยใช้ 7-zip หรือ winrar หรือ winzip ซึ่งจะได้ไฟล์ Hiren's.BootCD.9.9.iso โฟลเดอร์ keyboard patch และเท็กซ์ไฟล์อีก 2 ไฟล์
2. หากไฟล์ keyboard patch ยังเป็นซิปไฟล์อยู่ให้ทำการแตกไฟล์ก่อน จะได้ไฟล์ทั้งหมด 4 ไฟล์ คือ keyb.dat, keyb.sys, patch.bat และ readme.txt



รูปที่ 1

3. สร้างไฟล์เดอร์ใหม่โดยอาจจะตั้งชื่อเป็น Hiren เป็นต้น จากนั้นก็อปปี้ไฟล์ Hiren's.BootCD.9.9.iso และไฟล์ keyb.dat, keyb.sys, Patch.bat ลงในโฟลเดอร์ที่สร้างขึ้นใหม่ ดังรูปที่ 1
4. ในโฟลเดอร์ที่สร้างในขั้นตอนที่ 3 ให้ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ Patch.bat จากนั้นกด Y ดังรูปที่ 2 รอจนการทำงานเสร็จ จากนั้นกดคีย์ใดๆ เพื่อจบการแพตช์ ซึ่งจะได้ไฟล์ชื่อ US Patched Hiren's.BootCD.9.9.iso ดังรูปที่ 3



รูปที่ 2



รูปที่ 3

5. ทำการเขียนไฟล์ US Patched Hiren's.BootCD.9.9.iso ลงแผ่นซีดี ซึ่งขั้นตอนนี้จะขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้เขียน โดยในขั้นตอนการเขียนให้เลือกเป็น Disk image หรือ Image file หากเลือกเป็น Data จะไม่สามารถบูตได้

ตัวอย่างการเขียนด้วยโปรแกรม Nero Express
1. เปิดโปรแกรม Nero Express
2. ในหน้าต่างโปรแกรม Nero Express ดังรูปที่ 4 คลิก Image, Project, Copy


3. ในหน้าต่างโปรแกรม Nero Express ดังรูปที่ 4 ในคอลัมน์ตัวเลือกด้านขวามือ ให้คลิก Disk Image or Save Project
4. ไปยังโฟลเดอร์ที่สร้างในขั้นตอนที่ 3 ลงแผ่นซีดี แล้วเลือกไฟล์ US Patched Hiren's.BootCD.9.9.iso ดังรูปที่ 5 แล้วคลิก Open



รูปที่ 4

5. ในหน้าต่างโปรแกรม Nero Express ดังรูปที่ 6 ให้คลิก Burn เพื่อเขียนแผ่น รอจนการทำงานเสร็จ



รูปที่ 5

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เว็บดีไซน์และการพัฒนา

องค์ประกอบของการออกแบบ
หน้าแรกของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญ จะต้องต้อนรับผู้มาเยือนให้เข้ามาเยี่ยมชมบ่อยๆ ซึ่งหมายถึงการแต่งหน้าเว็บที่ไม่ไร้ประโยชน์สามารถได้เร็ว ครบองค์ปรกอบ

อินเทอร์เน๊ตมีกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ Gateway ลูกค้าเป้าหมาย ยินดีให้ความช่วยเหลือ ทำให้บริษัทได้ประโยชน์จากอินเทอร์เน๊ตโดยเชื่อมช่องว่างระหว่างเว็บไซต์

ประสบการณ์ของผู้ใช้
วัตถุประสงค์ของเราคือการที่จะให้ลูกค้าได้มีโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน มีความสัมพันธ์กับลูกค้ากับผู้เข้าชมเว็บไซต์ของแต่ละคน Netgenetix Media เน้นประสบการณ์ของผู้ใช้ ในออกแบบประกอบและเนื้อหาที่มีคุณภาพที่ใช้ติดต่อ จะต้องเป็นที่เข้าใจ ทำให้อัตราการเข้าชมเว็บไซต์มีจำนวนมาก

เนื้อหาระบบการจัดการ
Content Management Software เป็นเครื่องมือที่สามารถนำไปรวมกับเว็บไซต์เพื่อให้ลูกค้าเพื่อแก้ไขเนื้อหาในเว็บไซต์ของตนเอง Netgenetix Media เป็นหนึ่งของอุตสาหกรรมทำให้ง่ายต่อการใช้งานโซลูชั่นการจัดการเนื้อหา Zowie CMS สามารถให้คำแนะนำและดำเนินการแก้ไขปัญหาบุคคลภายนอก CMS ได้

Zowie CMSTM
เนื้อหาซอฟต์แวร์การจัดการ Zowie CMS เป็นทางออกที่ง่ายต่อการใช้งานสำหรับในการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์ ด้วยคุณสมบัติที่มีประโยชน์, การทำงานที่มีประสิทธิภาพและรูปแบบการใช้งานง่าย ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายในขณะที่สมาร์ททำงานให้กับลูกค้าที่ต้องการโซลูชั่นที่ง่ายในการปรับปรุงเว็บไซต์

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เว็บเซอร์วิส (Web service) คือ

เว็บเซอร์วิส (Web service) คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมา เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย โดยที่ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ คือเอกซ์เอ็มแอล เว็บเซอร์วิสมีอินเทอร์เฟส ที่ใช้อธิบายรูปแบบข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ เช่น WSDL ระบบคอมพิวเตอร์ใช้งานสื่อสารโต้ตอบกับเว็บเซอร์วิสตามรูปแบบที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยการส่งสาสน์ตามอินเตอร์เฟสของเว็บเซอร์วิสนั้น โดยที่สาสน์ดังกล่าวอาจแนบไว้ในซอง SOAP หรือส่งตามอินเตอร์เฟสในแนวทางของ REST สาสน์เหล่านี้ปกติแล้วถูกส่งโดยอาศัย HTTP และใช้ XML ร่วมกับมาตรฐานเกี่ยวกับเว็บอื่นๆ โปรแกรมประยุกต์ที่เขียนโดยภาษาต่างๆ และทำงานบนแพลตฟอร์มต่างๆกันสามารถใช้เว็บเซอร์วิสเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ต ในลักษณะเดียวกับการสื่อสารระหว่างโปรเซส (Inter-process communication) บนเครื่องเดียวกัน ความสามารถในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบที่ต่างกันนี้ (เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง โปรแกรมที่เขียนโดยภาษาจาวา และโปรแกรมที่เขียนโดยภาษาไพทอน หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโปรแกรมประยุกต์ที่ทำงานบนไมโครซอฟท์วินโดวส์และโปรแกรมประยุกต์ที่ทำงานบนลินุกซ์) เกิดขึ้นได้เนื่องจากการใช้มาตรฐานเปิด โดย OASIS และ W3C เป็นคณะกรรมการหลักในการรับผิดชอบมาตรฐานและสถาปัตยกรรมของเว็บเซอร์วิส

credit:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA

เว็บเซอร์วิส คือแอพพลิเคชั่น ที่ถูกสร้างให้รอรับการเรียกใช้งานจากแอพพลิเคชั่นอื่นบนอินเตอร์เน็ต โดยสื่อสารกันด้วยข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบ XML ซึ่งรูปแบบ XML ที่ใช้นี้ ถูกกำหนดเป็นมาตรฐานชื่อว่า SOAP โดยข้อมูลอาจถูกส่งผ่านทางโปรโตคอล HTTP ,SMTP หรือ FTP แต่ที่นิยมใช้มาก คือ HTTP

credit:http://truehits.net/faq/webmaster/webservice/

เว็บเซอร์วิส (Web Service) เป็นการ "บริการ" ที่เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการทำงานระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย โดยที่ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์คือภาษาเอ็กซ์เอ็มแอล (XML) ตัวอย่างเช่น การบริการในการเช็คราคาหุ้นของตลาดหุ้นหลาย ๆ ที่และอ่านข่าวจากแหล่งข่าว ๆ หลายที่โดยให้เฉพาะข่าวของบริษัทที่ผู้ขอใช้บริการสนใจ ผู้ให้บริการเว็บเซอร์วิสหนึ่งอาจจะเป็นผู้ขอบริการเว็บเซอร์วิสอื่น ยกตัวอย่างเช่น เว็บเซอร์วิสที่ให้บริการข้อมูลก่อนการซื้อขายหุ้น อาจจะเป็นผู้ขอใช้บริการของเว็บเซอร์วิสที่ให้บริการการให้ข่าว

credit:http://chatpong.exteen.com/20050814/entry-1

สรุป Web Service คือ โปรมแกรมให้บริการที่ใช้การติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่าย Internet ใช้ภาษา XML ติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์

เว็บไซต์ (Web Site) หมายถึง

เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน ตามหลักคำว่า เว็บไซต์จะใช้สำหรับผู้ที่มีคอมพิวเตอร์แบบเซิร์ฟเวอร์หรือจดทะเบียนเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่น www.google.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นต้น

credit:http://school.obec.go.th/kudhuachang/les07.htm

เว็บไซต์ (website, web site, หรือ Web site) หมายถึง หน้าเว็บเพจหลายหน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ โดยถูกจัดเก็บไว้ในเวิลด์ไวด์เว็บ หน้าแรกของเว็บไซต์ที่เก็บไว้ที่ชื่อหลักจะเรียกว่า โฮมเพจ เว็บไซต์โดยทั่วไปจะให้บริการต่อผู้ใช้ฟรี แต่ในขณะเดียวกันบางเว็บไซต์จำเป็นต้องมีการสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการเพื่อที่จะดูข้อมูล ในเว็บไซต์นั้น ซึ่งได้แก่ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ หรือข้อมูลสื่อต่างๆ ผู้ทำเว็บไซต์มีหลากหลายระดับ ตั้งแต่สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว จนถึงระดับเว็บไซต์สำหรับธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ การเรียกดูเว็บไซต์โดยทั่วไปนิยมเรียกดูผ่านซอฟต์แวร์ในลักษณะของ เว็บเบราว์เซอร์

credit:http://www.modify.in.th/Website/website-id72.aspx

เว็บไซด์ คือ ศูนย์รวบรวมความรู้และแหล่งข้อมูลต่างๆ อาทิ เช่น ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ บันเทิง กีฬา เป็นต้น ปัจจุบันเว็บไซด์ได้เข้ามามีบทบาทในแวดวงธุรกิจแทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของบริษัท ร้านค้า ชั้นนำ ต่างๆทั่วไป เหตุผลหนึ่งในการมีเว็บไซด์นั้น เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจนั้นๆ อีกทั้งเว็บไซด์ยังสามารถตอบสนองและครอบคลุมผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมาย ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดอีกด้วย เพราะสามารถเข้าเยี่ยมชมข้อมูลเว็บไซด์จากอินเตอร์เน็ตได้ทั่วโลก
ขั้นตอนแรกในการขอเริ่มใช้บริการเว็บไซด์นั้น นักลงทุนจะต้องไปติดต่อกับตัวแทนจำหน่าย เพื่อขอจดทะเบียนชื่อเว็บไซด์ ( Domain name ) และพื้นที่ในจัดทำเว็บไซด์ ( hosting ) ก่อน โดยการจดทะเบียนขอใช้บริการเว็บไซด์นั้น จะมีสกุลดอทให้เลือกหลากหลายประเภท

credit:http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=yingkidkid&date=28-02-2008&group=1&gblog=32

สรุป เว็บไซต์ คือ หน้าเว็บหลายหน้าที่เชื่อมต่อทางไฮเปอร์ลิงค์ ทำขึ้นเพื่อเสนอข้อมูลผ่านทาง internetให้เป็นแหล่งข้อมูลต่างๆผ่านใน www

จริยธรรม คุณธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์

จริยธรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศแล้ว จะกล่าวถึงใน 4 ประเด็น ที่รู้จักกันในลักษณะตัวย่อว่า PAPA ประกอบด้วย

ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy)
ความถูกต้อง (Information Accuracy)
ความเป็นเจ้าของ (Information Property)
การเข้าถึงข้อมูล (Data Accessibility)

credit:http://www.bs.ac.th/2548/e_bs/G7/kanokjit/pageA.html

คุณธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์

1. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายหรือละเมิดผู้อื่น
2. ไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
3. ไม่สอดแนมหรือแก้ไขเปิดดูในแฟ้มของผู้อื่น
4. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
5. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
6. ไม่คัดลอกโปรแกรมผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์
7. ไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
8. ไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
9. ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมอันติดตามมาจากการกระทำ
10. ใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กติกามารยาท
11. ไม่ทำความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ที่ป็นของสาธารณะ
12. ควรดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
13. ไม่ทำความเสียหายแก่คอมพิวเตอร์สาธารณะ
14. ใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุดและเป็นประโยชน์ต่อตนเอง
15. ไม่สร้างโปรแกรมที่ก่อกวนการทำงานของผู้อื่น

credit:http://sw07086.blogspot.com/2009/02/blog-post.html

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

web desing and development

Use Meaningful Design Elements

The homepage of a website is important and should welcome visitors. However, that doesn't mean you can load the page with useless design elements and flash animations that offer no value but only increase the file sizes.

Your Website, Your Gateway
A powerful internet strategy is the goal for our clients. We are here to help your company benefit from the Internet by bridging the gap between your websites and your audiences, while giving your audience a positive experience with your brand.

Unparalleled User Experience
Our objective is to give our clients the opportunity to develop enduring customer relationships with each visitor to their website, so at Netgenetix Media we emphasize the user experience. In concert with an engaging design and quality content we employ a thoughtful and consistent user interface. It must be intriguing but understood, compelling yet functional, so that your website traffic can begin the journey from visitor to consumer, and ultimately to loyal customer. Whether your project needs a customized solution or an out-of-the-box application (or a combination of both!) we can maximize the return on your investment. Using proven industry standard technologies such as ASP.Net, SQL, XML and others, our experienced developers can manage your online software from the ground up.

Content Management Systems (CMS)
Content Management Software is a tool that can be integrated with a website to allow non-technical clients to edit the content on their own websites. Netgenetix Media offers its customers one of the industries easiest-to-use content management solutions, Zowie CMS. We can also provide recommendations and implementation of third party CMS solutions, if that is deemed to be a better fit for your organization.

Zowie CMSTM
Our in-house content management software, Zowie CMS is an easy-to-use solution for you to manage your website's content. With its useful features, powerful functionality, and intuitive interface, Zowie CMS empowers non-technical users to easily manage their website's pages and content. Zowie CMS is designed to be easy to use, while providing smart functionality to clients who want a simple solution to update their website. Learn more about our customizable CMS at www.zowie-cms.com. Zowie CMSTM - Bringing Back Simple!

Credit :http://www.netgenetix.com/Services/WebDevelopment/