^^ welcome..^^

อนาคตเป็นสิ่งสำคัญ..แต่ปัจจุบันสำคัญกว่า^^

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

หลักการและเทคนิคการเขียน php

1.echo เร็วกว่า print
2.เวลาใส่ตัวหนังสือ หรือข้อความให้ใส่ใน ' ' จะเร็วกว่า ใส่ใน " " เพราะว่าเครื่องหมาย "..." มันจะทำการค้นหาตัวแปรที่อยู่ภายในก่อน
3.ใช้คำสั่ง sprintf แทนที่จะยัดตัวแปรลงไปตรงๆ จะทำให้เร็วขึ้น 10เท่า!!
4.เรียกใช้ echo หลายครั้ง จะเร็วกว่าการเสียเวลาเพื่อเชื่อมตัวหนังสือก่อนเรียก echo ครั้งเดียว
5.ในกระบวนการ loop ควรคำนวนค่าต่างๆเอาไว้ก่อนเท่าที่ทำได้ เช่น
for($x=0;$x < count($array);$x)
เราควรเปลี่ยนมาใช้
$max = count($array);
ก่อน ค่อยเอาค่า$max ไปใช้ เพราะว่ามันจะเสียเวลาคำนวนรอบเดียวเท่านั้น
6.พยายามตรวจสอบตัวแปร array ถ้ามีค่าไหนไม่ได้ใช้ก็ unset ทิ้งไปบ้าง
7.พยายามอย่าเรียกใช้ function พิเศษ เช่น __get, __set, __autoload
8.เรียกใช้ require() แทนที่จะใช้ require_once() เท่าที่จะเป็นไปได้
9.ใช้ Full path ในการ include หรือ require เพื่อลดเวลาการค้นหา path ของ OS ที่รัน
10. require() และ include() มันทำงานได้เหมือนกันเลือกใช้ให้ตรงตามความต้องการ มันต่างตรงที่ว่า require() ถ้าไม่พบไฟล์ มันก็หยุดทำงานเลย ความเร็วที่ได้แทบไม่ต่าง
11. ตั้งแต่ PHP5 เวลาจุดเริ่มต้นของการ ประมวลผล จะเรียกได้จาก $_SERVER[’REQUEST_TIME’] ไม่ต้องเรียกใช้ time() หรือ microtime()
12. PCRE regex ทำงานได้เร็วกว่า EREG แต่จะเห็นผลเมื่อใช้ในแบบ native function

credit:http://ecprmuti.com/index.php?topic=157.0

หลักการทำงานของ PHP

การอ่านและแปลงแบบข้อมูลในตัวแปรหรือค่าคงที่แบบเจาะจง

เราสามารถแปลงแบบข้อมูลจากแบบหนึ่งไปยังอีกแบบหนึ่ง (type casting) เช่น แปลงจากข้อความที่มีเฉพาะตัวเลขให้กลายเป็นเลขจำนวนเต็ม (int) หรือทศนิยม (double), (float), (real) หรืออาจจะใช้คำสั่ง settype() ทำได้ตามตัวอย่างต่อดังนี้

$x = ((double)"100.1") + 0.3e+3;
echo $x,"
\n";
echo ($x=(int)$x),"
\n";
$x = "P".$x."\n";
echo $x,"
\n";

$x= ceil(13.45); /* get integer part */
echo $x,"
\n";
if (!settype( $x, "integer") ) {
echo "error\n";
}
echo $x," $x%5=",($x%5),"
\n";

?>

credit:http://www.bcoms.net/php/php04.asp

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

หลักการทำงานของ PHP

การใช้ตัวแปรในภาษา PHP

สำหรับการเขียนโปรแกรมสำหรับภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง สิ่งที่จะขาดเสียมิได้คือ การกำหนดและใช้ตัวแปร (variable) ตัวแปรในภาษา PHP จะเหมือนกับในภาษา Perl คือเริ่มต้นด้วยเครื่องหมาย dollar ($) โดยเราไม่จำเป็นต้องกำหนดแบบของข้อมูล (data type) อย่างเจาะจงเหมือนในภาษาซี เพราะว่า ตัวแปลภาษาจะจำแนกเองโดยอัตโนมัติว่า ตัวแปรดังกล่าว ใช้ข้อมูลแบบใด ในช่วงเวลานั้นๆ เช่น ข้อความ จำนวนเต็ม จำนวนที่มีเลขจุดทศนิยมตรรก เป็นต้น ตัวอย่างการใช้งาน เช่น
$mystring = "Hello World!";
$myinteger = 1031;
$myfloat = 3.14;

ถ้าเราต้องการจะแสดงค่าของตัวแปร ก็อาจจะใช้คำสั่ง echo ได้ ตัวอย่างเช่น
echo "$mystring\n";
echo "$myinteger\n";
echo "$myfloat\n";

สัญลักษณ์ \n หมายถึงการขึ้นบรรทัดใหม่ เป็น escape character ตัวหนึ่ง (สำหรับตัวอื่นๆ โปรดดูในตาราง) เมื่อพิมพ์ข้อความเป็นเอาพุต และโปรดสังเกตว่า สำหรับการใช้งานภายในเอกสาร HTML การขึ้นบรรทัดใหม่โดยใช้ \n จะแตกต่างจากการขึ้นบรรทัดโดยใช้
ใน HTML

$mystring = "Hello World!";
$myinteger = 1031;
$myfloat = 3.14;

echo "$mystring
\n";

echo "$myinteger
\n";

echo "$myfloat
\n";

?>


Escaped characters

\n newline
\r carriage
\t horizontal tab
\\ backslash
\$ dollar sign
\" double-quote
%% percent

ตัวแปรตัวหนึ่ง อาจจะมีข้อมูลหลายแบบในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่การจะใช้งานบ้างครั้งจะต้องดูด้วยว่า เมื่อไหร่จะใช้เป็นตัวเลขเท่านั้น และไม่ใช้กับข้อความเป็นต้น ตัวอย่างเช่น

$x = 10;
$y = $x + 15.5;
echo "$x, $y \n";
$x = "abc";
echo "$x \n";
$z = $x + 15.5;
echo "$x, $z \n";
echo ("100.5" - 16);
echo (0xef + 007);

?>

ในกรณีนี้ เรากำหนดในตอนแรกว่า $x ให้เก็บค่า 10 ซึ่งเป็นจำนวนเต็ม ถ้าเรานำมาบวกกับ 15.5 ผลที่ได้ก็จะเป็น 25.5 ซึ่งกลายเป็นเลขทศนิยม แล้วเก็บไว้ในตัวแปร $y ต่อมากำหนดให้ตัวแปร $x เก็บสตริงค์ที่เก็บข้อความ "abc" ถ้าเรานำมาบวกกับ 15.5 กรณีนี้ก็จะให้ผลที่ได้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่สามารถนำข้อความมาบวกกับตัวเลขได้
แต่ PHP อนุญาตให้เราทำเช่นนั้นได้ในบางกรณี สมมุติว่า สตริงค์มีเฉพาะตัวเลขและสามารถเปลี่ยนเป็น เลขจำนวนเต็ม หรือจำนวนจริงได้โดยอัตโนมัติ เราก็นำสตริงค์ นี้มาบวกลบคูณหรือหารกับตัวแปรที่เก็บเป็นตัวเลขได้

ค่าคงที่สำหรับเลขจำนวนเต็ม อาจจะอยู่ในรูปของเลขฐานแปดหรือสิบหกก็ได้ ถ้าเป็นเลขฐานแปดจะมีเลขศูนย์นำ ถ้าเป็นเลขฐานสิบหกจะมี 0x นำหน้า
credit:http://www.bcoms.net/php/php03.asp

หลักการทำงานของ PHP

ในปัจจุบัน Web site ต่าง ๆ ได้มีการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างรวดเร็ว อาทิเช่น เรื่องของความสวยงามและแปลกใหม่, การบริการข่าวสารข้อมูลที่ทันสมัย,เป็นสื่อกลางในการติดต่อ และสิ่งหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่ง อได้ว่าเป็นการปฏิวัติรูปแบบการ ขายของก็คือ E-commerce ซึ่งเจ้าของสินค้าต่างๆ ไม่จำเป็น ต้องมีร้านค้าจริงและไม่จำเป็นต้องจ้างคนขายของอีกต่อไปร้านค้าและตัวสินค้านั้น จะไปปรากฏอยู่บน Wed site และการซื้อขายก็เกิดขึ้นบนโลกของ Internet แล้ว PHP ช่วยเราให้เป็นการพัฒนา Web site และความสามารถที่โดดเด่นอีกประการ-หนึ่งของ PHP นั้น คือ database-enabled web page ทำให้เอกสารของ HTML สามารถที่ จะเชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูล (database)ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จึงทำให้ ความตองการในเรื่องการจัดรายการสินค้าและรับรายการสั่งของตลอดจนการจัดเก็บ ข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญผ่านทาง Internet เป็นไปได้อย่างง่ายดาย
PHP เป็นภาษาจำพวก scripting language คำสั่งต่างๆจะเก็บอยู่ในไฟล์ที่เรียกว่า สคริปต์ (script) และเวลาใช้งานต้องอาศัยตัวแปลชุดคำสั่ง ตัวอย่างของภาษาสคริปก็เช่น JavaScript, Perl เป็นต้น ลักษณะของ PHP ที่แตกต่างจากภาษาสคริปต์แบบอื่นๆ คือ PHP ได้รับการพัฒนาและออกแบบมา เพื่อใช้งานในการสร้างเอกสารแบบ HTML โดยสามารถสอดแทรกหรือแก้ไขเนื้อหาได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงกล่าวว่า PHP เป็นภาษาที่เรียกว่า server-side หรือ HTML-embedded scripting language เป็นเครื่องมือที่สำคัญชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถสร้างเอกสารแบบ Dynamic HTML ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีลูกเล่นมากขึ้น
เนื่องจากว่า PHP ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัว Web Server ดังนั้นถ้าจะใช้ PHP ก็จะต้องดูก่อนว่า Web server นั้นสามารถใช้สคริปต์ PHP ได้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น PHP สามารถใช้ได้กับ Apache Webserver และ Personal Web Server (PWP) สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 95/98/NTในกรณีของ Apache เราสามารถใช้ PHP ได้สองรูปแบบคือ ในลักษณะของ CGI และ Apache Module ความแตกต่างอยู่ตรงที่ว่า ถ้าใช้ PHP เป็นแบบโมดูล PHP จะเป็นส่วนหนึ่งของ Apache หรือเป็นส่วนขยายในการทำงานนั่นเอง ซึ่งจะทำงานได้เร็วกว่าแบบที่เป็น CGI เพราะว่า ถ้าเป็น CGI แล้ว ตัวแปลชุดคำสั่งของ PHP ถือว่าเป็นแค่โปรแกรมภายนอก ซึ่ง Apache จะต้องเรียกขึ้นมาทำงานทุกครั้ง ที่ต้องการใช้ PHP ดังนั้น ถ้ามองในเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน การใช้ PHP แบบที่เป็นโมดูลหนึ่งของ Apache จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
ลักษณะเด่นของ PHPใช้ได้ฟรี
PHP เป็นโปร แกรมวิ่งข้าง Sever ดังนั้นขีดความสามารถไม่จำกัด
Conlatfun-นั่นคือPHP วิ่งบนเครื่อง UNIX,Linux,Windows ได้หมด
เรียนรู้ง่าย เนืองจาก PHP ฝั่งเข้าไปใน HTML และใช้ดครงสร้างและไวยากรณ์ภาษาง่ายๆ
เร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมือใช้กับ Apach Xerve เพราะไม่ต้องใช้โปรแกรมจากภายนอก
ใช้ร่วมกับ XML ได้ทันที
ใช้กับระบบแฟ้มข้อมูลได้
ใช้กับข้อมูลตัวอักษรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใช้กับโครงสร้างข้อมูลใช้ได้แบบ Scalar,Array,Associative array
ใช้กับการประมวลผลภาพได้

credit:http://thaigpl.medianewsonline.com/index.php?topic=108.0

ความหมายของ PHP

ภาษาพีเอชพี (PHP Language) คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ประเภทโอเพนท์ซอร์ท (Open Source Computer Language) สำหรับพัฒนาเว็บเพจแบบไดนามิก เมื่อเครื่องบริการได้รับคำร้องจากผู้ใช้ก็จะส่งให้กับ ตัวแปลภาษา ทำหน้าที่ประมวลผลและส่งข้อมูลกลับไปยังเครื่องของผู้ใช้ที่ร้องขอ ในรูปเอชทีเอ็มแอล ภาพ หรือแฟ้มดิจิทอลอื่นใด ลักษณะของภาษามีรากฐานคำสั่งมาจากภาษาซี เป็นภาษาที่สามารถพัฒนาให้ใช้งานแบบโต้ตอบกับผู้ใช้ได้
ภาษาพีเอชพี (PHP Language) มีการทำงานแบบเซอร์ฟเวอร์ไซต์สคริปต์ (Server-Side Script) จึงต้องมีเครื่องบริการ (Server) ที่ทำหน้าที่บริการการแปลภาษา และส่งผลให้กับเครื่องผู้ใช้ (Client) ที่ร้องขอด้วยการส่งคำร้องเข้ามายังเครื่องบริการ คำว่า PHP ย่อมาจาก Personal Home Page แต่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงเปลี่ยนเป็น Professional Home Page

credit:http://www.thaiall.com/php/indexo.html